วันพฤหัสบดีที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553

พุทธสมาคมสัจจะธรรมสงเคราะห์ฯ สร้างโรงเจ-ยังขาดทุนทรัพย์


นาย อำมาตย์ โสภณารมณ์ นายกพุทธสมาคมสัจจะธรรมสงเคราะห์พ้งไล้ซาจับซาเซียวเกาะโรงเจบึงไร่ 1 ต.บึง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เปิดเผยว่า พุทธสมาคมสัจจะธรรมสงเคราะห์พ้งไล้ซาจับซาเซียวเกาะโรงเจบึงไร่ 1 ได้ดำเนินการก่อสร้างโรงเจเม่งเกี่ยงฮุกตั๊ว รวมทั้งเทวะวิหารองค์ โป๊ยเซียนโจวซือ มา 1 ปีแล้ว

ในตอนนี้ โดยการก่อสร้างนั้นได้ดำเนินการไปกว่าร้อยละ 30 โดยวงเงินในการก่อสร้างและตกแต่งภายในโรงเจรวมแล้วกว่า 20 ล้านบาท แต่เงินที่ได้รับบริจาคในการก่อสร้างในตอนนี้ ยังไม่เพียงพอ ยังขาดทุนทรัพย์อยู่อีกจำนวนมาก โดยสาเหตุการก่อสร้างโรงเจใหม่ขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากว่าทางโรงเจบึงไร่ 1 ได้ก่อตั้งมานานกว่า 40 ปี และตัวอาคารชำรุดทรุดโทรมมาก อีกทั้งยังคับแคบไม่สะดวกแก่การประกอบพิธีกรรมต่างๆ รวมทั้งยังไม่มีสถานที่ประกอบพิธีการในเทศกาลกินเจอย่างเป็นทางการ ซึ่งนายอำมาตย์ โสภณารมณ์ นายกพุทธสมาคมฯ ได้มอบที่ดินให้ก่อสร้างโรงเจหลังใหม่และขยับขยายพื้นที่โรงเจให้ใหญ่ขึ้น กว่าเดิม ซึ่งที่ดินที่ได้รับมอบเป็นที่ดินทางด้านหลังโรงเจหลังปัจจุบันจำนวน 2 ไร่ พร้อมกันนั้นยังมอบเงินบริจาคในการก่อสร้างโรงเจหลังใหม่อีกจำนวนหนึ่ง ในการก่อสร้างร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาในพื้นที่อำเภอศรีราชาและใกล้เคียง สำหรับการก่อสร้างโรงเจเม่งเกี่ยงฮุกตั๊วและเทวะวิหารองค์โป๊ยเซียนโจวซือ เพื่อใช้ในการประกอบพิธีถือศีลกินเจและพิธี กรรมอื่นๆ เกี่ยวกับองค์เทพเจ้า รวมทั้งก่อสร้างวิหารที่ประดิษฐานองค์เทพเจ้าที่เป็นที่เคารพสักการะของคน ไทยเชื้อสายจีนและชาวไทยในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและใกล้เคียง ได้เดินทางมา กราบไหว้ขอพรในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ ในการก่อสร้างในครั้งนี้ ต้องอาศัยผู้มีจิตศรัทธา อันเป็นกุศล ได้ร่วมบริจาคเงินสมทบทุนในการก่อสร้างโรงเจและเทวะวิหารในครั้งนี้ เพื่อให้การก่อสร้างได้แล้วเสร็จและสำเร็จลุล่วง 
สามารถบริจาคเงินผ่านบัญชีธนาคาร ชื่อบัญชีพุทธสมาคมสัจจะธรรมสงเคราะห์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาย่อยนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง หมายเลขบัญชี 542-1-10660-3

ที่มา นสพ.ข่าวสด

ฉลองสมณศักดิ์"พ่อท่านเขียน"



รายงาน ข่าวแจ้งว่า คณะศิษยานุศิษย์วัดกระทิง และพุทธศาสนิกชนชาวเมืองจันทบุรี จัดงานมุทิตาจิตฉลองสมณศักดิ์พัดยศ พ่อท่านเขียน วัดกระทิง ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี ที่ได้รับแต่งตั้งเลื่อนสมณศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษ ในราชทินนามพระครูธรรมสรคุณ โอกาสนี้ สภามหาวิทยาลัยราชภัฏจันทบุรี ได้ถวายปริญญามหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สังคมศาสตรมหาบัณฑิต และบริหารกิจการจัดการมหาบัณฑิต ขณะเดียวกัน พุทธศาสนิกชน ประชาชน ศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมแสดงมุทิตาจิตทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล แด่พ่อท่านเขียน ในโอกาสอายุวัฒนะครบ 80 ปี ซึ่งการจัดงานเฉลิมฉลองโอกาสสำคัญในครั้งนี้ นอกเหนือจากศิษยานุศิษย์จะร่วมกันทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์แล้ว ศิษยานุศิษย์ พุทธศาสนิกชน และประชาชนจำนวนมากยังได้ทำอาหารคาวหวานเปิดโรงทานจัดเลี้ยงแก่ผู้ร่วมงาน ด้วย
---------------------------- มังคะลัง ร้านแห่งศรัทธา --------------------------------
สำหรับประวัติ พระครูธรรมสรคุณ หรือ พ่อท่านเขียน ขันธสโร ปัจจุบัน สิริอายุ 80 พรรษา 59 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดกระทิง และที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดกระทิง ต.พลวง อ.เขาคิชฌกูฏ เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2494 โดยมีพระครูนิเทศคณานุสิฏฐ์ วัดหนองอ้อ ต.มะขาม อ.มะขาม จ.จันทบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2553 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี
---------------------------- มังคะลัง ร้านแห่งศรัทธา --------------------------------
ทั้งนี้ พ่อท่านเขียนเป็นประธานมูลนิธิพระครูธรรมสรคุณ เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการจัดงานประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ หรือพระพุทธบาทพลวง บนยอดเขาคิชฌกูฏ ต.พลวง ที่จัดเป็นประจำทุกปีในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพื่อเป็นการรำลึกถึงพุทธานุสติ โดยมีพิธีบวงสรวงเทพยดาฟ้าดิน รวมทั้งพิธีปิดป่า-เปิดเขา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พุทธศาสนิกชน ชาวบ้านคณะศรัทธาญาติโยมจึงได้ขนานนามท่านว่า เทพเจ้าแห่งขุนเขาคิชฌกูฏ

ที่มา  นสพ.ข่าวสด

งานใหญ่อุทิศเพื่อ"แม่ชีบุญเรือน"




พระ เทพปัญญามุนี เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม เขตบางพลัด กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เนื่องในวันครบรอบวันละสังขารของแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม คณะสงฆ์วัดอาวุธวิกสิตาราม และคณะศิษยานุศิษย์ ได้จัดบำเพ็ญกุศลอุทิศแด่ท่านเป็นประจำทุกปี และในปีนี้ถือเป็นโอกาสอันดี ทางวัดอาวุธวิกสิตาราม จึงได้จัดพิธียิ่งใหญ่กว่าทุกปีที่เคยจัดมา โดยในงานได้จัดให้มีถือบวชเนกขัมจาริณี หรือบวชชีพราหมณ์ ตั้งแต่วันที่ 3-7 กันยายน 2553 ในแต่ละวันจะมีพิธีกรรมต่างๆ กันไป เช่น วันที่ 3 กันยายน เป็นพิธีมหาพุทธาภิเษกพระกริ่งพุทโธใหญ่ พระชัยวัฒน์พุทโธน้อย และพิธีสวดนพเคราะห์เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้ออกไปและเสริมดวงชะตาราศี วันที่ 4 กันยายน สวดมหาสันติงหลวงถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อความสงบของแผ่นดิน โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส วันที่ 5 กันยายน พระสงฆ์ฝ่ายมหายาน นำโดย พระอาจารย์ซินที้ พร้อมด้วยพุทธบริษัทชาวจีน ชาวไต้หวัน สวดอุทิศส่วนกุศลและสะเดาะเคราะห์ตามแบบมหายาน วันที่ 6 กันยายน เทกระจาดข้าวสาร วันที่ 7 กันยายน สวดมหาราช (ภาณยักษ์) เททองหล่อรูปเหมือนแม่ชีบุญเรือน
---------------------------- มังคะลัง ร้านแห่งศรัทธา --------------------------------
สำหรับท่านผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วม ถือบวชเนกขัม โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพียงเตรียมเครื่องใช้ส่วนตัว ยาประจำโรคเท่านั้น อาจจะบวชเพียงครึ่งวัน หลายวันหรืออาจอยู่ไม่ครบทั้ง 5 วัน จนวันสุดท้ายของงาน ตามแต่เวลาจะอำนวย 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวง/เขตบางพลัด กรุงเทพฯ โทร.08-6770-0076, 08-6044-7346

ที่มา นสพ ข่าวสด

พระพิฆเนศวร





ใน ปีพุทธศักราช 2545 เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ได้ดำเนินการบูรณะและซ่อมเทวสถาน ประกอบด้วยโบสถ์ 3 หลัง คือ โบสถ์พระอิศวร (โบสถ์กลาง) พระพิฆเนศวร (โบสถ์กลาง) และ พระนารายณ์ (โบสถ์ริม) ซึ่งได้ชำรุดทรุดโทรมลงเป็นอันมาก

การ บูรณะครั้งนี้ ได้ซ่อมแซมโครงหลังคา เปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาโบสถ์ โดยนำมาล้าง คัดแยกกระเบื้องที่ยังมีส่วนที่ดีเพื่อใช้งานต่อไป

ส่วน กระเบื้องที่ชำรุด คณะผู้รับผิดชอบโครงการบูรณะเทวสถานฯ ได้พิจารณาว่าสมควรจัดสร้างเป็นวัตถุมงคล ด้วยการนำกระเบื้องที่ชำรุดมาบดและกดเป็น พระพิมพ์เทวรูป

เพื่อผู้ที่มีจิตศรัทธาสนับสนุนสมทบทุนเพื่อใช้จ่ายในกิจการเทวสถานโบสถ์พราหมณ์


ประกอบ พิธีเทวาภิเษก เมื่อวันที่ 18-21 พฤษภาคม 2545 ณ เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ จัดพิธีบวงสรวงบูชาฤกษ์ โดย พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าคณะพราหมณ์ สำนักพระราชวัง

ประกอบพิธีมังคลาเทวาภิเษก โดยนิมนต์พระเถระสายธรรมยุต มหานิกาย และพระรามัญนิกาย เจริญพระพุทธมนต์และพระพิธีธรรมสวดภาณวาร

จัด สร้างเป็นพระพิมพ์โบสถ์พราหมณ์ 3 แบบจำนวนจำกัด เท่าที่กระเบื้องหลังคาโบสถ์ที่ชำรุดมีอยู่ ประกอบด้วย พระอิศวร พระพิฆเนศวร และพระนารายณ์
---------------------------- มังคะลัง ร้านแห่งศรัทธา --------------------------------
ทั้งนี้ พระพิมพ์โบสถ์พราหมณ์ พระพิฆ เนศวร มีลักษณะเป็นพิมพ์เล็บมือ ขนาดสูง 2.7 เซนติเมตร กว้าง 2.0 เซนติเมตร

พระพิฆเนศวร เป็นโอรสของพระอิศวรกับพระอุมาเทวี มีสี่กร พระเศียรเป็นช้างมีงาข้างเดียว พระวรกายสีเหลือง อ้วนพุงพลุ้ย มีหนูเป็นพาหนะ

กำเนิดของพระพิฆเนศวร เกิดจากพระอุมาได้เนรมิตขึ้นมาจากขมิ้นที่ทาพระวรกายให้เป็นกุมารรูปงาม เพื่อมีหน้าที่เฝ้าประตูห้องสรง

วัน หนึ่ง พระอิศวรเสด็จมาและจะเข้าไปในห้องสรง พระพิฆเนศวรได้ขัดขวางไม่ยอมให้เข้าไป จึงต่อสู้กันแต่สู้พระพิฆเนศวรไม่ได้ ร้อนถึงเหล่าทวยเทพต้องเข้ามาช่วย ก่อนที่พระพิฆเนศวร ถูกจักรพระนารายณ์ตัดเศียร

ความทราบถึงพระอุมาเทวี ทรงพิโรธจนพระอิศวรต้องชุมนุมเหล่าทวยเทพเพื่อหาทางแก้ไข โดยพระอิศวรได้ให้เหล่าทวยเทพไปค้นหามนุษย์หรือสัตว์ที่นอนเอาศีรษะไปทิศ ตะวันตก แล้วให้ตัดศีรษะมา

แต่เหล่าเทพเพียรค้นหาไม่พบ พบแต่ช้างเผือกเชือกหนึ่งนอนเอาศีรษะหันไปทิศตะวันตก จึงตัดเศียรมา และต่อให้พระกุมาร จึงฟื้นขึ้นมามีเศียรเป็นช้าง และตั้งให้เป็นใหญ่ในหมู่เทพรับใช้ของพระอิศวร

อีกทั้ง พระอิศวรประสาทพรให้เป็นผู้ขจัดอุปสรรคใดๆ ทั้งปวง เป็นเทพแห่งสติปัญญาและความสำเร็จพราหมณ์จักประกอบพิธีใดๆ ต้องขอให้บูชาพระพิฆเนศวรก่อน จึงจะบวงสรวงบูชาเทพอื่นๆ ต่อไป
---------------------------- มังคะลัง ร้านแห่งศรัทธา --------------------------------
ผู้สนใจบูชาพระพิมพ์โบสถ์พราหมณ์ พระพิฆเนศวร องค์ละ 299 บาท

สอบถามได้ที่เทวสถานโบสถ์พราหมณ์ ถ.ดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯ

ที่มา นสพ.ข่าวสด

ฮือฮา"พระเก่าสมัยทวารวดี" พบข้างกำแพง-วัดธุตังคาราม



วัด ธุตังคาราม ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านเกาะลำโพง หมู่ที่ 8 ตำบลศรีเทพ อำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 10 ไร่ 2 งาน อาณาเขตด้านทิศเหนือ ยาว 3 เส้น 10 วา ติดต่อกับหมู่บ้านและทุ่งนา ทิศใต้ยาว 3 เส้น 10 วา ติดต่อกับถนนสาธารณะ ทิศตะวันออกยาว 3 เส้น ติดทุ่งนา ทิศตะวันตกยาว 3 เส้น ติดต่อกับถนนสาธารณะ

ได้สร้างขึ้น เป็นวัดนับตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ.2360 เดิมเรียก "วัดโบสถ์" เพราะมีอุโบสถเก่าแก่ ใบเสมาทำด้วยหินสีเขียวเป็นหลักฐาน ซึ่งปัจจุบันได้รื้ออุโบสถหลังเดิมหมดแล้ว และก่อสร้างขึ้นใหม่ เมื่อปีพ.ศ.2520 ได้รับพระราช ทานวิสุงคามสีมาประมาณปี พ.ศ.2365 โดยมี "พระครูเกษมพัชรสาร" ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส หลังจากที่ท่านมาจำพรรษาอยู่ ก็ได้ปรับปรุงพัฒนาวัด ให้มีความเจริญรุ่งเรือง

ครั้งหนึ่ง "หลวงพ่อประเทือง" ซึ่งอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ท่านได้นิมิตและบอกว่าใกล้ๆ กับต้นโพธิ์ด้านทิศตะวันออกของโบสถ์จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ฝังอยู่ และเป็นโอกาสดีที่พระครูเกษมพัชรสาร มีความประสงค์ที่จะสร้างกำแพง จึงได้มาปรึกษากับคณะกรรมการ ซึ่งกำแพงนี้อยู่ติดกับต้นโพธิ์ หลังจากตกลงเรียบร้อยแล้วได้จ้างคนงานและชาวบ้านนับร้อยคนมาขุดดินบริเวณนี้ ก็ได้พบไหดินเป็นจำนวนมาก ปรากฏว่าภายในไหพบพระกรุองค์เล็กบ้างใหญ่บ้าง เป็นเนื้อหินและเนื้อโลหะปะปนกันอยู่ บางองค์เป็นเนื้อตะกั่ว รูปทรงแบบยืนและนั่ง เป็นลักษณะ "พระซุ้มกอ" เป็นเทวรูปก็มี



พอ นำขึ้นมาตรวจดู พระกรุนี้เป็น "พระยอดขุนพลเนื้อดิน" และก็ได้มาพบอีกพิมพ์พระหูยาน พระนาคปรก พระร่วงยืน พระยืนปางลีลาต่างๆ และพระรอด พระสมเด็จนางพญา พอชาวบ้านได้เห็นต่างพากันตื่นเต้น แห่กันมาดูเป็นจำนวนมากต่างพากันก้มลงกราบและจุดธูปบอกกล่าวเทพเทวา พอข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปมีชาวบ้านในจังหวัดใกล้เคียงมาขอบูชา แต่ทางวัดยังไม่พร้อมและไม่รู้ว่าจะตั้งราคาเท่าไหร่ แต่ถ้าเกิดอยากได้ก็จะให้บูชาในราคาตามจำนวนที่ขุดพบว่ามีกี่องค์ และพิมพ์ไหนที่เป็นพิมพ์นิยม ราคาก็จะแพง เพราะทางวัดต้องการนำเงินมาสร้างกำแพงวัด

สำหรับการขุดพบพระกรุเก่า นี้ พระครูเกษมพัชรสาร ได้สันนิษฐานว่า เมื่อสมัยขอมเริ่มเสื่อมอำนาจ "พระยากฬวรรดิส" ราชโอรสพระยากากพัตรแห่งเมืองนครชัยศรี เป็นผู้สร้างเมืองลพบุรี เมื่อปี พ.ศ.1191 และตั้งชื่อว่าเมืองละโว้ ซึ่งตรงกับสมัยทวารวดี ในยุคนั้นซึ่งครอบครองไปถึงเมืองศรีเทพและมีความเจริญรุ่งเรือง ผู้คนเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนับถือศาสนาพุทธ บางชุมชนก็มีความศรัทธาต่อพระฤๅษีดาบสนับถือเทพเทวดา ในการสร้างพระเครื่องหรือของขลังจึงได้ผสมผสานอยู่ในพระกรุที่ค้นพบในครั้ง นี้ และเป็นความเชื่อถือของชาวบ้านในสมัยนั้น


---------------------------- มังคะลัง ร้านแห่งศรัทธา --------------------------------
สมัย ก่อนประวัติศาสตร์ จังหวัดลพบุรีและจังหวัดเพชรบูรณ์ เคยมีมนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นชุมชนไม่ต่ำกว่า 4,000 ปี หลักฐานที่สำคัญคือ พบโครงกระดูกหินใหม่ อายุ 2,000-4,000 ปี ที่บ้านโคกเจริญ และพบโครงกระดูกยุคสำริดอายุ 2,500-2,800 ปี ที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่จังหวัดลพบุรี ชุมชนเหล่านั้นได้เจริญก้าวหน้าเข้าสู่ยุคโลหะมีอารยธรรมมี วัฒนธรรมการกินอยู่และประเพณีของตนเอง

เมืองศรีเทพ หรืออำเภอศรีเทพ ขึ้นอยู่กับจังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเมืองโบราณเก่าแก่เมืองหนึ่งตั้งแต่สมัยทวารวดี สมัยลพบุรี สมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา และยืนยาวมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ มีซากโบราณเป็นประจักษ์พยานอยู่มากมายจนถึงปัจจุบัน


ในการพบพระกรุ ที่อยู่ในไห ถือว่าเป็นของมีค่าที่พระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า หรือชาวบ้านได้สร้างเอาไว้ เพื่อที่จะเป็นมรดกตกทอดกันมาถึงในยุคปัจจุบัน จนได้มาขุดพบเจอสิ่งมีค่าควรบูชาไว้ครอบครอง ก่อนทำจะนำให้ญาติโยมบูชาได้ประกอบพิธีมหาพุทธาภิเษก เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2553 โดยมี พระครูบวรชัยกิจ (หลวงปู่ไสย) จุดเทียนชัย พระราชสุเมธี วัดภูตูมวนาราม ดับเทียนชัย หลวงเตี่ย สุรเสียง วัดป่าเลิงจาน พร้อมด้วยพระเกจิอาจารย์มากมายร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสก
---------------------------- มังคะลัง ร้านแห่งศรัทธา --------------------------------
สนใจ ร่วมบุญบูชาติดต่อได้ที่ พระครูเกษมพัชรสาร เจ้าอาวาสวัดธุตังคาราม หรือที่หลวงเตี่ย สุรเสียง เจ้าอาวาสวัดป่าเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม โทร.08-6635-0037, 08-6792-8460, 08-6210-1931

ที่มา นสพ ข่าวสด

เหรียญหลวงพ่อบุญเย็น ฐานธัมโม สำนักพระเจ้าพรหมมหาราช รุ่นปี2517

---------------------------- มังคะลัง ร้านแห่งศรัทธา --------------------------------

เหรียญหลวงพ่อบุญเย็น ฐานธัมโม สำนักพระเจ้าพรหมมหาราช รุ่นปี2517

กลับมาโด่งดังในห้วงนี้ เพราะประสบการณ์จากผู้นำไปพกพาอาราธนาติด ตัวแท้ๆ "เหรียญรุ่นปี 2517 ของ หลวงพ่อบุญเย็น ฐานธัมโม" แห่งสำนักพระเจ้าพรหมมหาราช อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

แม้มิใช่เหรียญที่สร้างขึ้นเป็นอันดับ แรกของทำเนียบ แต่ก็เป็นเหรียญแรกซึ่งออกแบบให้ด้านหน้าของเหรียญเป็นรูป หลวงพ่อบุญเย็น ขนาดครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นรูปพระเจ้าพรหมมหาราช ทั้งนี้ เนื่อง จากเชื่อว่าหลวงพ่อบุญเย็น ในอดีตชาติปางก่อนเคยมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าพรหมมหาราช

ท่านพระครูสถิตธรรมาภิรักษ์ (ครูบาดวงคำ)ดังนั้น ทุกครั้งที่หลวงพ่อบุญเย็น จะประกอบพิธีปลุกเสกเหรียญ หรือพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ท่านต้องทำพิธีอัญเชิญ "พระเจ้าพรหมมหาราช" ร่วมพิธีด้วยทุกครั้ง เหรียญทุกเหรียญของท่านต้องมีรูปพระเจ้าพรหมมหาราช ที่ด้านหลังเหรียญเสมอ และที่สำคัญที่สุดคือ เหรียญที่ท่านเป็นผู้สร้างขึ้นนี้ ท่านไม่เคยจำหน่ายเลย มีแต่แจกฟรีทุกเหรียญ

ทุกคนที่ได้เหรียญรุ่นนี้ของท่านไปต่างมีความหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีอานุภาพในทางคุ้มครองป้องกันตัวเป็นเลิศ นอกจากนี้ ยังอุดมไปด้วยโชคลาภอย่างน่ามหัศจรรย์ด้วยบุญมา บุญเลิศวณิชย์ ได้มอบเหรียญ หลวงพ่อบุญเย็น รุ่นแรกปี 2517

"ด.ต.สมบูรณ์ จอมกิจ" ซึ่งอาราธนาเหรียญหลวงพ่อบุญเย็น รุ่นปี 2517 ติดต่อเสมอมา เล่าว่า เหรียญรุ่นนี้เป็นเหรียญที่หลวงพ่อบุญเย็น ปลุก เสกเดี่ยวในป่าช้าเป็นเวลา 3 เดือน ตลอดพรรษา ครั้นเมื่อออกพรรษาแล้วจึงนำไปปลุกเสกซ้ำตามสถานที่ต่างๆ ความศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ต้องสงสัย เพียงข้ามคืนที่มีการเริ่มแจกจ่ายออกไป เหรียญรุ่นนี้ก็ ดังแล้ว เพราะ ได้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆ ให้ประจักษ์มากมาย เช่น

"ตอนที่ผมได้เห็นคนผีเข้า ซึ่งญาติได้พยายามหาหมอผีเก่งๆ มาปราบแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่เมื่อมีผู้นำเหรียญ "หลวงพ่อบุญเย็น" รุ่นนี้ไปแช่น้ำอธิษฐานทำน้ำ มนต์ไปพรมผู้ที่ถูกผีเข้า ปรากฏว่าผีนั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายเผ่นหนี"

เหรียญหลวงพ่อบุญเย็น"ด.ต.สมบูรณ์ " ได้เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตของตนว่า ในชีวิตเคยผ่านการเกณฑ์ทหารมา 2 ปีแล้วมาเป็นตำรวจตระเวนชายแดน และเหรียญรุ่นพ.ศ.2517 นี้ ได้ช่วยคุ้มครองให้ แคล้ว คลาดจากภยันตรายต่างๆ ตลอดมา กล่าวคือ เหตุการณ์ถูกฝ่ายตรงข้ามลอบทำร้าย มักจะเกิดขึ้นก่อนหรือไม่ก็หลังจากผู้เล่านำกำลังเคลื่อนที่ผ่านพ้นไปแล้ว เสมอ อีกเรื่องหนึ่งเคยมีแพทย์อาสาสมัครขึ้นไปบนดอย แล้วถูกยิงด้วย เอ็ม-16 เป็นชุด แต่คมกระสุนก็สามารถสร้างได้เพียงจ้ำแดงเหมือนผื่นเท่านั้น

เหรียญหลวงพ่อบุญเย็น รุ่นปี 2517 สร้างเพียงเนื้อเดียว คือทองแดงชุบอัลปาก้า แล้วชุบทองอีกเป็นขั้นตอนสุดท้าย และข่าวดีสำหรับผู้ที่สนใจเหรียญรุ่นนี้ก็คือ ท่านพระครูสถิตธรรมาภิรักษ์ (ครูบาดวงคำ) เจ้าอาวาสวัดป่าไม้แดง รูปปัจจุบัน ได้รับมอบเหรียญจากคหบดีใหญ่ผู้ใจบุญ "บุญมา บุญเลิศวณิชย์" ได้มอบเหรียญ หลวงพ่อบุญเย็น รุ่นแรกปี 2517 ที่ตกค้างอยู่ 1,160 เหรียญ ให้พระครูสถิตธรรมาภิรักษ์ นำออกให้ญาติโยมบูชา เพื่อเป็นทุนในการก่อสร้างพระวิหารวัดป่าไม้แดง ซึ่งทางวัดออกให้ร่วมทำบุญครั้งแรกเพียง 199 เหรียญ

ที่มา นสพ.ข่าวสด